ว่านมงคนต่างๆและความเป็นมา
สำหรับของไทยมีเค้าเงื่อนของการเลี้ยงว่านจากสายวัฒนธรรมมอญและเขมรตั้งแต่โบราณ ตำราพิชัยสงครามทุกเล่มระบุว่าว่าน คือสุดยอดของคงกระพัน ถ้าปกติธรรมชาติ นักรบสมัยก่อนนิยมการอาบว่านมงคล เคี้ยวว่านมงคล โบราณจารย์ในอดีตล้วน ปลูกว่านมงคล เลี้ยงว่านมงคล เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ปรากฏหลักฐานตามตำนานของการสร้างพระรอดลำพูน ว่าการสร้างพระรอด จะกล่าวถึงสุกกทันต์ฤษี และวาสุเทพฤษี ประชุมฤษี ๑๐๘ รูป มาชุมนุมรวมสร้าง โดยเอาดินที่บริสุทธิ์จากใจกลางทวีปทั้ง ๕ ตัวยา ๑,๐๐๐ ชนิด เกสรดอกไม้ ๑,๐๐๐ ชนิด และว่านมงคลต่างๆกว่า ๑,๐๐๐ ชนิด
นำมาผสมรวมกันจนละเอียดกดลงในพิมพ์นำไปเผา เสร็จแล้ว สุกกทันตฤษี วาสุเทพฤษี ได้ทำพิธีปลุกเสกด้วยเวทมนต์อันศักดิ์สิทธิ์และเนื่องจากการสร้างพระรอดจากวัสดุต่างๆ นำมาผสมกัน ดังกล่าวแล้วจึงปรากฏว่าองค์พระ ที่สร้างมีสีมากสีเนื่องจากส่วนผสมและการเผา จึงได้พบสีต่างๆ ได้แก่ สีเขียว สีเขียวอ่อน สีขาวปนเหลือง สีดำ สีแดงสีดอกพิกุล เป็นต้น พระเครื่องเนื้อดิน เนื้อผงล้วนมีส่วนผสมสำคัญคือว่าน การเปิดกรุวัดตาเถรขึงหนัง ที่สุโขทัย กลิ่นหอบตลบของว่านเสน่ห์จันทร์ที่สร้างแต่ยุคกรุงสุโขทัย(ประมาณ พ.ศ. 1800)ที่ยังคงกำซาบซ่านมาจนทุกวันนี้ ภาคเหนือที่ดอยคำจังหวัดเชียงใหม่เจดีย์ถล่มทลายพบพระพิมพ์สามหอมที่ผสมด้วยว่านหอมของภาคเหนือเป็นสำคัญ คนไทยที่เป็นนักสู้อยู่บนหลังม้า หรือถือดาบอยู่บนดินต่างชำระร่างกายด้วยว่าน เคี้ยวว่าน หรือสวมผ้าประเจียดและรัดแขนด้วยว่าน เช่นกัน
เครดิต : http://wadtudep.lnwshop.com/webboard/viewtopic/6
Tags : กระชายดำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น